บริษัท รัชพรการบัญชีภาษีอากรและกฎหมาย จำกัด จำกัด (“บริษัท”) ในฐานะผู้ให้บริการที่ปรึกษา ผู้จัดทำและตรวจสอบบัญชีภาษี และผู้ให้บริการเสริมอื่นที่เกี่ยวข้อง (“บริการ”) รับประกันแก่ท่านในฐานะลูกค้าว่า บริษัทให้ความสำคัญและเคารพสิทธิของลูกค้าในส่วนของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องประมวลผล ดังนั้นบริษัทมีจุดประสงค์จัดทำและแจ้งประกาศการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อให้ท่านในฐานะลูกค้าของบริษัท (“ลูกค้า”) ทราบถึงความจำเป็น รวมถึงเงื่อนไขต่าง ๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ที่บริษัทจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อการให้บริการหรือการปฏิบัติพันธกิจและหน้าที่ต่าง ๆ ที่บริษัทอาจมีต่อลูกค้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ
การยอมรับประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เมื่อลูกค้าติดต่อมายังบริษัท รวมถึงเมื่อลูกค้าตกลงเข้าทำสัญญาใช้บริการกับบริษัท บริษัทจะถือว่า ลูกค้ายอมรับและรับทราบเงื่อนไขการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประกาศในประกาศฉบับนี้ทั้งหมด ทั้งนี้ ทางบริษัทอาจปรับปรุงประกาศฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลาเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง และให้สอดคล้องกับการให้บริการต่าง ๆ ของบริษัทที่ให้แก่ลูกค้า ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงการเปลี่ยนแปลงด้วยการประกาศประกาศฉบับปรับปรุงผ่านช่องทางการติดต่อต่าง ๆของบริษัท และการที่ลูกค้ายังคงใช้บริการของบริษัทอยู่ต่อเนื่องภายหลังการแก้ไขประกาศดังกล่าว บริษัทจะถือว่า ลูกค้าตกลงยอมรับ ประกาศฉบับใหม่ดังกล่าวเสมอ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผล
บริษัทจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและตัวแทน (แล้วแต่กรณี) ดังต่อไปนี้
1. กรณีลูกค้าซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา ได้แก่ ชื่อนามสกุล ข้อมูลการติดต่อ (เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่) เอกสารแสดงตน (บัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง) ข้อมูลบัญชีการเงิน (โดยเฉพาะ ข้อมูลรายได้ ค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน และข้อมูลเกี่ยวเนื่องทั้งหมดที่อาจเกี่ยวข้องและจำเป็นสำหรับการจัดทำเอกสารด้านบัญชีและภาษี) ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการกรอกแบบฟอร์มเพื่อการให้บริการอื่นระหว่างบริษัทและลูกค้า (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การยื่นใบอนุญาตทำงาน หรือการให้บริการวางแผนทางด้านบัญชีและภาษีส่วนบุคคล เป็นต้น) นอกจากนี้อาจรวมถึงข้อมูลการชำระเงิน (เช่น บัญชีธนาคาร หลักฐานการชำระค่าบริการของลูกค้าดังกล่าว เป็นต้น)
2. กรณีลูกค้าซึ่งเป็นนิติบุคคล ได้แก่ ชื่อนามสกุล เบอร์โทร อีเมล และสถานที่ติดต่อของตัวแทนของลูกค้านิติบุคคล
ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย นอกจากการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของตัวแทนในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว ในระหว่างการให้บริการระหว่างบริษัทและลูกค้า บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม ใช้ เข้าถึงและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอื่นภายใต้สังกัดของลูกค้าดังกล่าว เช่น ผู้ถือหุ้น พนักงานหรือลูกจ้างของลูกค้านั้น
3. กรณีลูกค้าติดต่อมายังบริษัทผ่านช่องทางออนไลน์ ได้แก่ ข้อมูลทางเทคนิค ที่ระบบของบริษัทอาจเก็บรวบรวมจากอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ของบริษัท ได้แก่ ข้อมูลการใช้ cookies หมายเลขไอพี (IP Address) เป็นต้น
4. ข้อมูลประเภทอื่นที่ท่านอาจเปิดเผยหรือนำส่งให้แก่บริษัท ระหว่างการการสนทนาหรือการติดต่อสื่อสารอื่นที่ลูกค้าหรือตัวแทนของลูกค้าอาจมีกับบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงเรื่องการร้องเรียน หรือการให้ความเห็นต่าง ๆ ที่อาจช่วยในการให้บริการแก่ลูกค้าได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บ รวบรวม ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของลูกค้าและ/หรือตัวแทนของลูกค้า เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาการให้บริการ ซึ่งรวมถึงการประมวลผลข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ ดังนี้ การติดต่อสื่อสาร และการประสานงานอื่นระหว่างกระบวนการพิจารณาเงื่อนไขการให้บริการเบื้องต้น การตกลงการให้ บริการระหว่างบริษัทและลูกค้า รวมถึงการปฏิบัติสิทธิและหน้าที่ไม่ว่าลักษณะใดของบริษัทภายใต้ขอบเขตการให้บริการที่บริษัทตกลงลงนามกับลูกค้า ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การติดต่อประสานงาน การใช้ข้อมูลเพื่อการจัดทำเอกสารบัญชีภาษี เป็นต้น
2. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการประมวลผลข้อมูล เพื่อการจัดทำเอกสารด้านบัญชีและภาษีของบริษัทเอง หรือเพื่อการยื่นให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการรักษาสถานะใบอนุญาตหรือใบประกอบวิชาชีพของบริษัท
3. การคุ้มครองสิทธิประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงการประมวลผลข้อมูลเมื่อบริษัทจำเป็นต้องดำเนินการบังคับสิทธิต่อลูกค้าที่อาจปฏิบัติไม่สอดคล้องหรือละเมิดหน้าที่ที่กำหนดไว้ภายใต้สัญญาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงใช้ในการปกป้องสิทธิในการฟ้องร้องคดี รวมถึง เพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทและลูกค้ารายบุคคล และลูกค้าในภาพรวมของบริษัท
4. กรณีที่ลูกค้าให้ความยินยอมโดยเฉพาะแก่บริษัท บริษัทอาจดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะอื่น ที่ระบุไว้นั้น ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การติดต่อเพื่อทำการตลาดและประชาสัมพันธ์โดยตรงให้แก่ลูกค้า เป็นต้น
ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามที่ระบุไว้เพื่อวัตถุประสงค์ที่แจ้ง เป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ซึ่งได้ระบุไว้ในประกาศฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทจะอ้างอิงหลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้ ดังนี้ (ก) ตลอดระยะเวลาการให้บริการที่บริษัทอาจตกลงกับลูกค้า (ข) ตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติคุ้มครองสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของลูกค้า กรณีที่อาจเกิดการตรวจสอบโดยกรมสรรพากรหรือเกิดข้อโต้แย้งสิทธิใด ภายใต้อายุความสูงสุด 10 ปี
การเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
โดยหลักการข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจะไม่ถูกเปิดเผยออกไปให้แก่ บุคคล ภายนอก เว้นแต่ในกรณีที่จำเป็น บริษัทอาจต้องเปิดเผยและ/หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอก ดังนี้
1. เปิดเผยให้แก่ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัท ที่ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทให้ช่วยเหลือสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทที่มีต่อลูกค้าโดยตรง หรือที่ได้รับการว่าจ้างเป็นที่ปรึกษาหรือผู้ให้บริการในการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยบริษัทจะดำเนินการดังกล่าวบนหลักการเท่าที่จำเป็น ภายใต้สัญญาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างบริษัทและผู้ให้บริการภายนอกดังกล่าวเท่านั้น
2. เปิดเผยตามหน้าที่ที่บริษัทมีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้แก่หน่วยงานภาครัฐหรือหน่วยงานสมาคม หรือสภาวิชาชีพต่าง ๆ หรือเป็นการเปิดเผยกรณีที่บริษัทอยู่ภายใต้บังคับคำพิพากษา หรือตามคำสั่งของหน่วยงานราชการให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว โดยบริษัทจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นตามหน้าที่เท่านั้น
สิทธิของลูกค้าในฐานะเจ้าของข้อมูล
บริษัทเคารพสิทธิเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้ามีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยลูกค้าสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ดังนี้ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายและประกาศที่กำหนดไว้ ดังนี้ (1) สิทธิขอถอนความยินยอม (2) สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ลูกค้า (3) สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่าน หรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ โดยลูกค้ามีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น (4) สิทธิขอคัดค้าน ในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ทำขึ้น เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น (5) สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวลูกค้าได้ หากลูกค้าเชื่อว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าถูกเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในประกาศฉบับนี้แล้ว (6) สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของลูกค้า หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า (7) สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และ (8) สิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจ หากลูกค้าเชื่อว่า การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การใช้สิทธิของลูกค้าดังกล่าวข้างต้น สามารถทำได้โดยกรอกแบบฟอร์มคำร้องขอใช้สิทธิและยื่นคำร้องผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนด อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธิของลูกค้าอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของลูกค้าได้ โดยหากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ทราบด้วย
ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้